เหตุผลแรกที่ผมจะบอกเลยก็คือรถยนต์ยิ่งมีความประณีตและทันสมัยในการผลิตมากเท่าไร ก็ยิ่งราคา สูงมากเท่านั้น รวมไปถึงการออกแบบเฉียบๆ และความหรูหราที่บางรุ่นถึงขั้นผลิตเพียงไม่กี่คันในโลก ยิ่งทําให้ มูลค่าตัวรถสูงขึ้น แค่ได้มองเห็นโลดเล่นอยู่บนท้องถนนก็นับเป็นบุญตาแล้วและวันนี้ผมจะมาบอกราคารถที่มี ความประณีตในการผลิตและรูปหลักที่น่าจับตามอง
![](https://ihavecar1.wordpress.com/wp-content/uploads/2021/01/mulsanne-extended-wheelbase-rose-gold-over-magnetic-04-jpg-1578934767.jpg?w=1024)
Bentley Mulsanne
รถแฮนด์เมดสุดหรูจาก Bentley ประเทศอังกฤษ ได้ชื่อมาจาก
Mulsanne Corner เจ้าสนาม Le Mans ความหรูของรถรุ่นนี้วัดได้ทั้งจากภายนอกภายในเครื่อง
ที่เป็นเครื่องยนต์ 6.75 L twin-turbo L Series V8 รถหรูคันนี้สามารถเร่งสปีดได้ถึง 6 mph.
ภายในเวลาเพียง 5.1 วินาที ราคาเริ่มต้น US $300,000 หรือ 9.6 ล้านบาท เหตุผลที่รถคันที่มี
ราคาที่แพงมากก็เพราะว่าการขับขี่หรือการออกตัวนั้นทําได้ดีมากหรือเทียบจะดีแบบสุดๆก็ว่าได้
รวมไปถึงการใช้งานและรวมไปถึงระบบรักษาความปลอดภัย ยกตัวอย่างเวลารถที่เราขี่ไปแล้วเกิด
อุบัติเหตุแล้วเกิดเปลวไฟ ตัวระบบรักษาความปลอดภัยจะทําการฉีดสารเคมีที่มีชนิดดับไฟได้
รวดเร็วทันใจทันทีเพื่อให้คนที่ติดอยู่ในตัวรถนั้นออกได้ หรือหากระบบไฟฟ้าขัดข้องตัวรถจะมี
ระบบให้กดเพื่อที่จะทําการปลดประตูออกเพื่อให้คนที่อยู่ในรถได้ออกไป และสําหรับตัวผมที่ชอบ
ที่สุดคือระบบเชฟตี้เวลาถูกชนเมื่อเวลามีรถเข้ามาชนข้างๆ ระบบรถจะทําการโยกโครงรถขั้น
เพื่อที่จะให้ผู้โดยสารหรือคนที่นั่งมาในรถนั้นได้รับแรงกระแทก
![](https://ihavecar1.wordpress.com/wp-content/uploads/2021/01/porsche-taycan-2020-e0b8a3e0b896e0b8a2e0b899e0b895e0b98ce0b984e0b89fe0b89fe0b989e0b8b2-19.jpg?w=1024)
Porsche 918 Spyder
รถหรู มาแบบเงียบๆ ด้วยเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ให้ความแรงชนิดที่ไม่ธรรมดา ด้วย
เครื่องยนต์ขนาด 4.6 L V8 รถสปอร์ตแห่งอนาคตสามารถวิ่งไปสู่ความเร็วสูงสุดที่ 214 mph.
และมีเซเลปที่เป็นเจ้าของอาทิ Kim Kardashian และ สาว Kendall Jenner ราคาเริ่มต้น US
$845,000 หรือ 27 ล้านบาท รถคันนี่นะครับเป็นที่นิยมกันมากในเมืองนอกและที่ผมนําเสนอเข้า
มาก็เพราะว่าในประเทศนั้นเริ่มนํารถไฟฟ้าเข้ามาใช้งานกันแล้วครับ ทําให้ปั้มน้ํามันหรือแหล่งพัก
รถบางที่มีที่ชาร์ตไฟฟ้ากับรถยนต์แล้วครับผม นอกจากนั้นข้อดีของการใช้รถไฟฟ้าคือมันจะช่วย
เรา ประหยัดเงินค่าน้ํามันและค่าซ่อมบํารุง เพราะรถยนต์ชนิดนี้ใช้พลังงานไฟฟ้ามาแทนที่ของ
น้ํามันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูง เช่นเดียวกันกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมบํารุงรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะมี
ค่าใช้จ่ายในการบํารุงรักษาน้อยกว่า เพราะ ไม่มีเครื่องยนต์ และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ํามันเครื่อง
จึงทําให้การดูแลรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมากเลยก็ว่าได้ครับ เพราะถ้าเราใช้รถที่มีเครื่องยนต์ที่
ต้องใช้น้ํามันเราต้องเตรียมตังส่วนหนึ่งไว้เพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ํามันเครื่อง หรือซ่อมบํารุงบางอย่าง
เพราะน้ํามันมันจะจับพวกตัวถังเป็นต้นครับ และอีกอย่างเราไม่ต้องเสียเวลาในการนํารถยนต์ไป
เข้ารับการบํารุงรักษาบ่อยๆ
และสิ่งที่ดีมากๆที่มนุษย์เราและโลกเราร่วมถึงตัวผมอยากให้มีคือ รถยนต์ที่ช่วยลดมลภาวะทางอากาส ในที่สุดมันก็มีมาจริงๆครับ เพราะถ้าโลกเรายังใช้รถยนต์ แบบนี้ไปเรื่อยๆ ลองคิดดูนะครับ หรือคิดเล่นๆดูว่าผ่านไปสัก 20-30 ปี อากาศในโลกเราจะเป็นอย่างไร ทุกวันนี้ประเทศหลายประเทศที่เคยหนาวเย็นทุกวันนี้ เริ่มหนาวน้อยลง บางประเทศก็ร้อนจนเกินไป ร้อนจนแบบต้องเปิดแอร์นอนทั้งวันเลยก็ว่าได้ครับ และในตอนนี้น้ําแข็งทั่วโลก ละลาย เอาเป็นว่าผมจะยกตัวอย่างให้ดูนะครับ เอางี้ครับผมจะยกตัวอย่างข่าวนี้ให้ดูให้ชม ครับ
![](https://ihavecar1.wordpress.com/wp-content/uploads/2021/01/dfqror7owzulq5fzxl64d5eagl7cijydta7tyw58ohvcropesjshgp8a4gafekl4mzi.jpg?w=1024)
สําหรับสาเหตุที่ทําให้แผ่นน้ําแข็งกรีนแลนด์ละลายนั้น เกิดจากภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นสาเหตุ
เดียวกันกับอุณหภูมิขั้วโลกเหนือสูงขึ้น ทําให้ในช่วงซัมเมอร์ของขั้วโลกเหนือ เดือน มิ.ย.-ส.ค. มี
อุณหภูมิสูงกว่าปกติ แผ่นน้ําแข็งจึงละลายมากกว่าปกติ แต่ก็อาจมีปัจจัยอื่นที่ทําให้น้ําแข็งละลาย
ได้ถึง 2 พันล้านตัน อย่างการละลายของน้ําแข็งสร้างรอยร้าวบนแผ่นน้ําแข็งเป็นวงกว้างทําให้เมื่อ
แผ่นน้ําแข็งหลุดออก ปริมาณการละลายก็เพิ่มขึ้นได้เป็นต้นครับ
![](https://ihavecar1.wordpress.com/wp-content/uploads/2021/01/160411144711_factorysmoke.jpg?w=600)
และสาเหตุที่ทําให้โลกร้อนนั้นก็มาจากใครไม่ได้หรอกครับก็มนุษย์เราๆนี่แหละที่ทําให้เกิด
เหตุการณ์ต่างๆแบบนี้ ผู้ผลิตรถยนต์จึงออกแบบรถยนต์ที่ไม่ต้องใช้พลังงานจากน้ํามันเพื่อช่วยลด
ปัญหาจากวิกฤตต่างที่กําลังจะเกิดขึ้นหนักกว่าเดิมนี่เอง
แต่ทั้งนี้มันไม่ได้มีแค่สาเหตุมาจากรถยนต์อย่างเดียวนะครับก็มีปัจจัยอื่นๆเช่น
กระบวนการแปรรูปอุตสาหกรรม เช่น เครื่องทําความเย็นในตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ โฟม กระป๋อง
สเปรย์ สารดับเพลิง ปล่อย ก๊าซที่มีสารประกอบคลอโรฟลูโอโรคาร์บอน
การทําการเกษตรและการปศุสัตว์จะเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจก เช่น ก๊าซมีเทนจากการทํานาข้าว
จากการย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิต จากมูลสัตว์เลี้ยง เป็นต้นครับผม
อ้างอิง
https://sites.google.com/a/svc.ac.th/stop-global-warming/cause